Belated Valentine : Missed Call (Pinedy)

Belated Valentine : Missed Call (Pinedy)

 

Chris Pine x Tom Hardy

#pinedy

Rate_ PG
Words_ 233
A/N: ต่อจากในทวิตนี้ 

_______________________

 

 

𝗧𝘂𝗰𝗸

Yesterday
11:57 PM Missed Call

 

 

.

.

.

 

 

 

“เฮ้” หลังจากสายแรกที่ลนลานจนตัดสายไปเองก่อน ทัคโทรไปครั้งที่สอง แต่เสียงแฟรงค์ที่เหมือนยังไม่ตื่นทำให้เขาใจนิ่งขึ้นมาหน่อย‬

 

“ไง” งัวเงีย เสียงยานคางตอบกลับ‬

 

 

“..ทำอะไรอยู่”‬

 

 

‪ทัคลงโทษตัวเองที่ถามอะไรโง่ๆ ออกไปด้วยการตบหน้าผาก‬

 

 

‪แฟรงค์แค่ส่งเสียงในลำคอ ไม่ได้ตอบ‬

 


“วันนี้ไม่ได้เจอกัน..”‬

 

“อือ” คนโทรเข้ามาไม่แน่ใจว่านั่นคือคำตอบรับหรือแค่ละเมอ‬

 

“…ก็เลยโทรมา”‬

“…สุขสันต์วาเลนไทน์”‬

 


‪บางทีการที่แฟรงค์ไม่รับรู้เต็มร้อยก็อาจจะดีกว่า 

 


‪ถึงแม้จะเป็นปกติที่พวกเขาทำแบบนี้ แต่สิ่งที่หลุดจากปากทัคตามไปน่ะไม่ใช่‬

 


“ฉันรักนาย”‬

 

‪อย่างน้อยก็ไม่ใช่น้ำเสียงแบบนี้‬

 

“รักเหมือนกัน”

 

ปากอิ่มเผยอออก ไม่มีเสียง ไม่มีแม้แต่ลมหายใจผ่านออกมา ความเจ็บปวดในใจก็เหมือนกัน

ไม่ได้ถูกแสดงออก และไม่เคย เขาแค่เก็บเอาไว้

 

การตอบกลับของแฟรงค์เหมือนกับเวลาพวกเขาคุยกันปกติ

 

ปกติเกินไปจนทำร้ายหัวใจกัน

 

ก็แค่คำบอกรัก ไม่มีความหมายพิเศษอะไร

 

“ฉันหมายถึง” ทัคกัดปาก ควบคุมอารมณ์ที่เริ่มส่งอาการสั่นไหวออกมา เขาเปลี่ยนมือที่จับโทรศัพท์ ย้ายมาแนบหูไว้อีกข้างแทน

 

“หืม..”

 

“จำได้ไหม” เขาเลียปากก่อนพูดต่อ “ที่ฉันเคยบอก ว่าฉันรับกระสุนแทนนายได้”

 

แฟรงค์ตอบรับเป็นระยะ แต่ไม่สม่ำเสมอ แค่บางช่วงที่ทัคเว้นไว้ให้ความเงียบแทรก

 

หากคู่หูผมบลอนด์มีสติครบถ้วน เขาคงจะตอบกลับว่า ‘ฉันก็เหมือนกัน’

 

จะมีก็แต่เสียงความเงียบ

แต่ทางฝั่งของเขากลับเต็มไปด้วยเสียงอึกทึก ดังก้องอยู่กลางอก

 

“ความรู้สึกนั้นน่ะ..”

 


มีเสียงขยับตัวดังเข้ามาในสาย อีกคนยังคงไม่ตอบอะไร

 

แม้จะผ่านการลงภาคสนามมามาก ผ่านการสอบสวนผู้ร้ายมานักต่อนัก ผ่านความกดดันอะไรต่างๆ มาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ – เวลานี้ – สำหรับทัคแล้ว ความเงียบไม่เคยชวนให้น่าอึดอัดได้เท่านี้มาก่อน

 

เขาเริ่มมวนท้องขึ้นมานิดๆ

 

“ฉัน..”

 

ทัคพยายามบอกตัวเองว่าให้หายใจ และหยุดเดินไปมาทั่วห้องได้แล้ว แต่เขาก็สั่งตัวเองไม่ได้ เขาหายใจสั้นเกินไป และลนลานเกินไป – หยุดไม่ได้

 

แต่จู่ๆ ก็มีเสียงจากปลายสายดังขึ้น

 

และเสียงนั่นหยุดเขาได้

 

คุยโทรศัพท์อยู่เหรอคะ

 

“…”

 

เขาหยุดนิ่ง อย่างน้อยก็ไม่เดินไปมาแล้ว

 

ที่ยังทำไม่ได้คือหายใจ

 

หนักกว่าเก่า

เขาเผลอกลั้นหายใจไปแล้ว

 

คนถูกถามตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงียเหมือนเดิม
แปลก, ทั้งที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้เห็นหน้า แต่ทัครู้ว่าแฟรงค์กำลังยิ้ม หัวยุ่งฟูชี้ไปมาตอนตอบทั้งที่ตายังปิด

 

จากนั้น ทัคได้ยินเสียงผ้า เสียงขยับตัว และเสียงจูบ

 

ผ่านไปสักพัก ถ้าจะถามทัคเขาคงไม่สามารถตอบได้ว่านานเท่าไหร่

เขาลืมหมดสิ้นซึ่งทุกสิ่ง

 

“…”

 

แม้รู้สึกว่าต้องพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงดันไม่เปล่งออกมา – ลืมแม้แต่วิธีพูด – เขาพยายามอยู่นานหลายนาที

 

เฮ้” และได้มาแค่คำโง่ๆ หนึ่งคำ

 

“หืม..”

 

“…”

 

 

 

เขาภาวนาให้ความจริงแล้วตัวเขาเองไม่ได้กดเบอร์ของแฟรงค์ ไม่ได้กดโทรออก และไม่ได้กำลังคุยสายอยู่ในตอนนี้

 

เขาภาวนาให้ตอนนี้ไม่ใช่ความจริง

 

 

 

“ฉ- ไม่กวนแล้วดีกว่า.. นาย.. หลับต่อเถอะ”

 

แฟรงค์มอบความเงียบให้เช่นเคย

เหมือนทุกทีที่ผ่านมา

 

เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ

 

 

 

“มีความสุข.. มากๆ นะ”

 

ทัคเริ่มไม่แคร์แล้วว่าอะไรจะออกมาจากปากเขาบ้าง

มันส่งไปไม่ถึงอีกคนอยู่แล้ว

 

 

 

“ถึงจะเป็นความสุข ที่ไม่มีฉันอยู่ในนั้นเลยก็ตาม”

 

“..ที่จริง ฉันหวังนะ”

 

“ว่าระหว่างเราแม่งไม่เคยจริง”

 

“ทำไมมันจริงสำหรับฉันคนเดียววะ..”

 

“เกลียดนายว่ะ”

 

“เกลียด เกลียดชิบหาย”

 

“ออกไปสักที”

 

“ขอเถอะ ออกไปได้แล้ว..”

 

 

 

ไม่เหลืออะไรแล้ว ความเสียใจถูกเทออกมาทั้งหมด น้ำตาก็ด้วย ที่ยังติดอยู่ก็เหลือแค่แฟรงค์ที่เขาไล่ออกไปไม่ได้

 

ทัคมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ เขาตัดสายทิ้งไปตั้งแต่ประโยคแรกๆ พูดกับหน้าจอที่ขึ้นเบอร์เอาไว้ มองชื่อ ‘FDR’ เหมือนกับว่ามันจะรับฟังเขาแทนเจ้าตัวจริงๆ ที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่อีกที่หนึ่ง ซึ่งมีคนรักอยู่ข้างกาย

 

มือที่ผ่านการต่อสู้มามากมายถูกยกขึ้นปาดความเสียใจบนใบหน้าอย่างสั่นเทา

 

ไม่มีการสะอื้นไห้จนตัวโยน ไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ได้กระฟัดกระเฟียดจนทำร้ายตัวเองหรือข้าวของ – เขาแค่ผ่านมาหมดแล้ว กลายเป็นความชินชา กลายเป็นการนั่งเฉยๆ ให้น้ำตามันไหลผ่านไปก็เท่านั้น

 

เหมือนกับแผลที่เกิดขึ้นที่เดิมซ้ำๆ จนด้านไร้ความรู้สึก

ไม่มีมุมไหนของใจเขาแล้วที่ยังเหลือที่ว่าง

 

ก็แค่อีกวัน

 

แค่อีกครั้งหนึ่ง

 

ยังไม่ตาย

 

 

 

 

 

.

 

.

 

.

 

.

 

 

 

 

 

แล้วเย็นนี้ไปไหน”

 

“กลับบ้าน” นัยน์ตาสีเขียวที่สว่างเจิดจ้าไม่เท่ากับสีฟ้าของอีกคนเสหลบ แสร้งหยิบจัดของบนโต๊ะทำงานราวกับว่าอยู่ผิดที่ผิดทางนักหนา

 

ทั้งๆ ที่ไอ้อยู่ผิดที่ผิดทางน่ะ มันตัวเขาเองต่างหาก

 

“ไปดูหนังกันไหม สามคน

 

ถึงตรงนี้ ทัคค่อนข้างนับถือตัวเองขึ้นมาแล้วที่เป็นคนเก็บอาการเก่ง เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อยิ้มตอบ ใจหวังให้มันช่วยรีบตัดบทสนทนานี้ได้

 

“ไปเถอะ พวกนายควรจะใช้เวลาด้วยกันมากกว่า”

 

“ใช้ไปแล้วเมื่อวานไง เหอะน่า นายก็ไม่มีแพลนไปไหนสักหน่อย”

 

ภาพสะท้อนของทัคชัดเจนอยู่ในลูกแก้วสีฟ้าเพราะแฟรงค์โน้มลงมาใกล้ คนร่างเล็กกว่าไถเก้าอี้หนี แต่ไม่ได้มีพิรุธจนเกินไป แค่เบี่ยงหลบแล้วเอนหลังกับพนักพิงอย่างเป็นธรรมชาติ

 

“ปล่อยฉันเถอะน่า”

 

“ทัค”

 

แฟรงค์ยืนค้ำหัวเขาอยู่ ไม่ยอมขยับไปไหนเสียที ท่าทางกดดันอีกฝ่ายจนทำเอาทัคต้องหมุนเก้าอี้หันหลังให้

 

“พูดจริงนะ.. ปล่อยฉันเถอะ”

 

แผ่นหลังที่ปกติก็ดูเล็กกว่าของแฟรงค์อยู่แล้ว ยิ่งแคบลงไปอีกตอนนี้ในสายตาคู่หู ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นจะจับไหล่นั้นแต่เจ้าตัวก็ชักกลับเสียก่อน

 

“ก็ได้ ถ้านายว่างั้น”

 

“อือ”

 

คนตัวสูงจับเก้าอี้หมุนให้กลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ทัคสะดุ้ง ช้อนตาขึ้นสบ แฟรงค์มองสีเขียวตรงหน้าตน

 

..นัยน์ตาเขียวเจือฟ้าหม่นเหลือเกิน เมื่อตอนที่ไม่ต้องแสง..

 

แสนเศร้า

 

“ดื้อจังนะ” แฟรงค์ก้มหัวลง คอพับ ซึ่งฟุบลงบนลาดไหล่แคบของอีกคนพอดี ทำท่าเหมือนคนที่ยอมแพ้

 

“อย่าดราม่านักเลย”

 

เสียงหัวเราะขึ้นจมูกแผ่วๆ เรียกรอยยิ้มหนุ่มผมบลอนด์ให้จุดขึ้น แฟรงค์กลับมายืนเต็มความสูง คว้าเอาเสื้อสูทกับกระเป๋าตัวเองขึ้นถือ ค่อยๆ เดินถอยหลังโดยมองหน้าทัคไม่วางตาตลอดที่เดิน

 

“เปลี่ยนใจก็โทรมา”

 

“รีบไปสักที”

 

ทัคว่าส่งๆ ส่วนแฟรงค์โบกมือแล้วหมุนตัวเข้าลิฟท์ไป ลับสายตาในที่สุด

 

 

 

จากไปยากเย็น

เหมือนรู้ว่าลึกๆ แล้วเขายังอยากให้อยู่

 

แต่จะมีความหมายอะไร

 

 

 

เขาเก็บของบ้าง แทบไม่มีอะไรให้หยิบมากนักทั้งที่เมื่อครู่ก็ทำเป็นจัดนู่นนี่ตั้งนาน หลังจากแน่ใจว่าแฟรงค์คงจะออกไปไกลแล้วทัคก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปบ้าง

 

เมื่อมองไปโต๊ะฝั่งตรงข้าม เขาก็นึกถึงภาพตัวเองในดวงตาสีฟ้าตอนที่เจ้าของใช้มองมา ทำให้เขาต้องเผลอชะงัก

 

เพราะแม้แต่ทัคเองยังเห็นรอยร้าวของเขาที่สะท้อนอยู่ในนั้น

 

แล้วทำไม…

 

 

 

ชายร่างสันทัดก้าวออกจากโต๊ะทำงานอย่างเร็ว รีบปัดเอาความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวพุ่งตรงไปลิฟท์ทันที แต่ภาพสุดท้ายที่เห็นก็ยังเป็นโต๊ะทำงานของคนตาฟ้าก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิด

 

พอเถอะ  – ทัคบอกกับตัวเอง

 

 

 

 

เขาไม่เคยมีนายในสายตาหรอก

 

พอได้แล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

The End

 

 

 

 


 

#Dannyw_fic

🌻

 

Your man (Pinedy)

Your man (Pinedy)

 

Chris Pine x Tom Hardy
หลานคริส อาทอม AU
Rate_  PG-13
Words_ 265

A/N : กาวมาจาก theard อันนี้ค่ะ // – //

_______________________

 

 

 

 

“มึงเคยรู้สึกเหมือนกำลังว่ายวนอยู่ในอ่างป่ะวะ”

 

คริสถามขึ้นมากลางปาร์ตี้ในคืนหนึ่ง แก้วพลาสติกสีแดงที่ถือเอาไว้ถูกหมุนวนไปมาเบา ๆ ตอนที่ถามกับเพื่อนสนิทออกไป เขาดูใจลอย คนถูกถามจึงไม่ได้พูดอะไรแค่ปล่อยให้เขามองแก้วนั่นอยู่อย่างนั้น

 

คริสหันมาเลิกคิ้วทวงเอาคำตอบเมื่อเพื่อนยังคงเงียบ

เขาพูดเสริม “วนอยู่ที่เดิม” พร้อมกับหมุนแก้วไปด้วย, “ไม่ได้จมลง แต่ก็ไม่มีทางขึ้นฝั่ง ได้แต่ว่ายไปเรื่อย ๆ เพราะยังพอมีแรงอยู่”

 

“มึงไม่เคยเมาแล้วเพ้อปรัชญาห่าอะไรเลย คริส กูแปลกใจ”

 

ไม่มีคำตอบ เขาได้เพียงแววตาฉงนและสีหน้าสงสัยจากเพื่อนของตน, คริสไม่ได้คาดหวัง แต่ก็แอบอยากให้เพื่อนเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ เขาหันกลับมาทางเดิม ยกแก้วขึ้นดื่มก่อนจะตอบ

 

“กูไม่ได้เมา”

 

“ถ้างั้นมึงอาจจะกรึ่ม ๆ แล้ว เพื่อน มึงแปลกจนน่ากลัว”

 

“กูแปลกได้มากกว่าที่มึงเห็นอีก”

 

คริสมองออกไปไกล และไม่ได้ละสายตามามองเพื่อนอีกแม้จะมีอีกหลายคำถามตามมา จนคู่บทสนทนาต้องมองตามไปยังที่ที่เขาทิ้งสายตาเอาไว้

 

“อาทอมของมึงนี่สนิทกับคนข้างบ้านดีจังนะ”

 

คริสยอมหันกลับมา มือยังถือแก้วพลาสติกค้างอยู่อย่างเดิมและมองนิ่งจนอีกฝ่ายเริ่มเลิ่กลั่ก “อะไร? มึงน่ากลัวเกินไปแล้วนะ”

 

“เขาชื่อเลโอนาร์โด โคตรกวนใจชิบหาย ดิคาปริโอ”

 

“ชื่อยาวแฮะ”

 

เพื่อนคนเดิมผิวปาก สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ

 

“เขาชอบทอมเหรอ?”

 

“คงงั้น มาวอแวตั้งแต่ก่อนฉันมาอยู่ที่นี่อีก” คริสดุนลิ้นข้างแก้ม กลับไปมองตรงเดิมที่มีทอมยืนหัวเราะอารมณ์ดีอยู่ข้างสิ่งกวนใจของคริส เหมือนกำลังคุยกันสนุกมากทีเดียว

 

“คริส”

 

เขามัวแต่มองคนของเขาจนไม่ทันสังเกตว่าน้ำเสียงของเพื่อนไม่เหมือนเดิม

 

 

“อะไร”

 

“ระวังมีคนได้ขึ้นฝั่งก่อนมึงนะเว้ย”

 

คริสหันขวับจนน่ากลัวจะคอเคล็ด ปาแก้วในมือใส่เพื่อนโดยไม่สนเสียงโวยตามหลัง เขายกเท้าถีบแถมไปด้วยจนเพื่อนล้มจากเก้าอี้ คนรอบข้างมองอย่างสนใจเมื่อเกิดเสียงดังโหวกเหวกขึ้นแต่ปาร์ตี้คงไม่ถูกยุติลงเพียงเพราะเด็กหนุ่มสองคนทะเลาะกัน เพื่อนรุ่นเดียวกับคริสไม่ตกใจอะไร แต่เพื่อนบ้านละแวกนี้ที่ไม่ได้คลุกคลีกับเด็กหนุ่มมากนักไม่เคยเห็นคริสมุมนี้มาก่อนก็ตกใจกันนิดหน่อย

 

“มึงโมโหอะไรขนาดนี้เนี่ย!”

 

“ปากไม่เป็นมงคล!”

 

พายสับปะรดถูกจับยัดใส่ปากเพื่อนโดยคริสที่ล็อคคอเอาไว้ อีกฝ่ายอาจตายได้ถ้าคุณอาของคริสไม่วิ่งเข้ามาห้าม

 

“เฮ้ ใจเย็นหนุ่ม ๆ พวกนายทำคนอื่นแตกตื่นนะ”

 

“ทอม คริสมันเป็นบ้–” พายอีกชิ้นอัดเข้าไปเต็ม ๆ ก่อนจะทันได้พูดจนจบประโยค คริสหันมายิ้มให้ทอม

 

“ครับ?”

 

“เล่นกันเบา ๆ หน่อย นี่ไม่ใช่ปาร์ตี้ของเด็ก ๆ นะ”

 

ทอมเอ่ยดุด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แอบชี้ไปทางเจ้าของบ้านท้ายซอยคนใหม่ที่ยืนอยู่หน้าเตาปิ้งบาร์บีคิว ผู้เป็นคนจัดปาร์ตี้คืนนี้ขึ้น “นายโดนด่า อาก็โดนด้วย รู้ไหม”

 

“ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่จะระวังครับ”

 

เด็กหนุ่มที่พยายามกลืนพายสองชิ้นลงคอตวัดตามองเพื่อนที่ยิ้มตอบคุณอาราวกับเป็นคนละคนแล้วได้แต่เบ้ปากในใจ เพราะมือของคริสยังคงล็อคคอตนเอาไว้จึงไม่ได้แสดงอาการออกมา

 

“พายอร่อยไหม”

 

คุณอาเอ่ยถามหลานชายด้วยสีหน้าที่ยังยิ้มแย้มอยู่ คริสเลิกคิ้วกำลังจะตอบว่าตนยังไม่ได้ทานเข้าไปสักชิ้น มีแต่จับยัดใส่ปากเพื่อนข้าง ๆ ไปเท่านั้น แต่ทอมก็ยื่นมือขึ้นมาตรงหน้าเขา แล้วใช้นิ้วเขี่ยที่ข้างแก้มพร้อมกับรอยยิ้มที่คริสอนุมานว่าเป็น ‘รอยยิ้มเอ็นดู’ ของคุณอา

 

“กินเลอะเทอะจังคริส”

 

คนถูกแซวทั้งรอยยิ้มได้แต่ยิ้มตาม มองคุณอาที่ตัวเล็กกว่านิดหน่อยหัวเราะชอบใจก่อนปัดเศษขนมตามตัวเขาออกให้ แล้วหันไปคว้ากล่องทิชชู่ยื่นให้กับเพื่อนข้างตัวของเขา

 

“ขอบคุณครับ”

 

“ไม่เป็นไร” คนอาวุโสกว่าตบไหล่เด็กหนุ่มไปทีแล้วเดินกลับไปที่เดิมซึ่งมีเลโอกำลังนำจานอาหารใหม่มาให้พร้อมกับพาตัวทอมเข้าไปในกลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังสังสรรค์กัน จากนั้น ทอมก็ไม่ได้กลับมาสนใจพวกเขาอีก

 

เด็กหนุ่มสับปะรดจัดการตัวเองไปด้วยแล้วก็พูดเห็นใจเพื่อนไปด้วย

 

“อามึงนี่โหดมาก”

 

คริสไม่ได้ตอบ แต่ขมวดคิ้ว

 

“เชือดนิ่ม แค่ยิ้มหวานนิดกับหัวเราะหน่อยก็เอาอยู่แล้ว ยิ้มสังหาร

 

เขาเกือบหลุดขำ แต่ดันเห็นเลโอโอบไหล่ทอมเพราะขำจนตัวโยนกันอยู่สองคนแล้วก็ได้แต่หัวเราะขึ้นจมูก

 

“เออ โหดชิบหาย”

 

“แบบนี้มึงคงต้องจ้วงว่ายวนไปเรื่อย ๆ น่าสงสาร”

 

“มึงจะเอาพายอีกไหม หืม?”

 

“พอ”

 

 

 

 

 

/

 

 

 

 

 

หลังจบจากปาร์ตี้ คริสเป็นคนขับกลับมาที่บ้าน ทอมนั่งหน้าแดงอยู่ที่ข้างคนขับเพราะถูกเพื่อนหลายคนช่วยเฮกันให้ซดเบียร์เข้าไปเยอะอยู่ คริสเหลือบมองผิวที่แดงลามไปจนถึงคอนั่น ได้แต่เม้มปากมองถนน แล้วขับเลยบ้านพวกเขาไปอีกนิดหน่อย

 

“ถึงแล้ว”

 

คริสพูดกับคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง เลโอเห็นแล้วว่ารถจอดที่หน้าบ้านของตนแต่ยังลีลาอยู่ เขาโน้มตัวมาข้างหน้า ชิดไปทางคุณอาของเด็กหนุ่มแล้วสะกิดไหล่

 

“ไปแล้วนะ”

 

“อือ ฝันดี”

 

เลโอแตะมือไปที่คอของทอม มันร้อนผ่าวและขึ้นสี ทอมเอียงคออิงแก้มกับฝ่ามือนั้นก่อนจะยิ้มให้ “วันหลังห้ามกันบ้างก็ดี”

 

“ห้ามนาย พวกนั้นก็ยุนายขึ้นอยู่ดีแหละ”

 

“ก็นี่มันปาร์ตี้”

 

“นี่ไง ไม่ทันขาดคำเลย กลับไปนอนซะไป”

 

พวกเขาหัวเราะ คุยกันเหมือนลืมใครบางคนที่กำพวงมาลัยรถไว้อยู่

 

 

 

 

 

/

 

 

 

 

 

อส่งเลโอเสร็จคริสก็รีบถอยรถกลับเข้าบ้านของเขากับทอมทันที

 

ว่ากันตามตรง เขาค่อนข้างไม่ชอบใจความสัมพันธ์ที่มาก่อนเขานี่สักเท่าไร ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว คริสเห็นว่าเลโอกับทอมสนิทกันมากและมันไม่ใช่สิ่งที่จะถูกทำลายลงได้ แม้ว่ารอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของทอมที่มีให้ทั้งสองฝ่ายจะเหมือนกัน แต่คริสก็หงุดหงิดใจอยู่ดี

 

คริสลงจากรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัวจนไม่ทันสังเกตว่าทอมไม่ได้เดินตามเขามา พอหันไปมองก็เห็นทอมยืนเกาะประตูรถอยู่ เหมือนจะเซนิด ๆ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร คริสจึงเดินเข้าไปใกล้

 

“ไหวไหม?”

 

“อื้อ สบาย”  อาของเขาบอกปัด แต่ขนาดออกแรงปิดประตูรถยังไม่สนิท

 

“มา ผมช่วย”

 

เด็กหนุ่มอ้อมมาโอบหลังคุณอาไว้แล้วดันประตูปิดให้ พยุงคนอายุมากกว่าให้เดินเข้าไปในบ้านแล้วช่วยถอดเสื้อนอกออก

 

“เฮ้ ไม่ต้อง อาทำเองได้”

 

“เหอะน่า ผมทำให้”

 

“คริส”

 

“อาอยู่เฉย ๆ”

 

ทอมยืนนิ่งหลังถูกสั่ง แค่ขยับแขนนิดหน่อยตอนคริสดึงเสื้อออกจากตัวเขา หลังจากนั้นคริสก็พยายามพยุงให้เขาเดินขึ้นบันไดบ้านไปยังห้องนอน

 

“บอกว่าทำเองได้”

 

ครั้งนี้คริสไม่ตอบ ออกแรงพาทอมมาถึงห้องได้จนสำเร็จ พอดันให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเตียงคริสถึงได้เห็นว่าคุณอาของเขากำลังทำหน้ามุ่ยอยู่

 

“เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ”

 

“อือ”

 

ทอมพยักหน้าตอบ, ความคึกคะนองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มทำพิษ เขานั่งโคลงไปมา ตัวอ่อนปวกเปียก ก่อนจะเลือกยอมแรงโน้มถ่วง ทิ้งหัวไปทางคริสที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วอิงหน้าผากกับท้องของหลานชายไว้

 

“ไม่ได้ดื่มหนักขนาดนี้นานแล้ว”

 

ทอมพึมพำอยู่ตรงท้องของคริส แล้วมันก็ช่วยไม่ได้ที่ตรงนั้นมันตรงกับเหนือเข็มขัดพอดีจนคริสเผลอสบถอยู่ในใจ เขาชูมือชูไม้ไปมากลางอากาศอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่รู้จะเอามันไปไว้ตรงไหน สุดท้ายก็วางลงบนไหล่สองข้างของคุณอาพร้อมกับช่วยบีบผ่อนคลายให้เบา ๆ

 

“งั้นนอนเถอะครับ”  เขาดันให้คุณอาล้มตัวลงบนเตียง ทอมก็ทำตามอย่างว่าง่ายเหมือนตอนที่คริสช่วยถอดเสื้อให้

 

พอหัวถึงหมอน ทอมพลิกตัวมาทางคริสซึ่งอยู่ข้างเตียงแล้วลืมตามอง

ทั้งสองมองกันอยู่สักพักจนทอมเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

 

“โตจนมาดูแลอาแทนแล้วนะ”

 

​เด็กหนุ่มยิ้ม นั่งลงกับพื้นแล้วเท้าแขนบนเตียง สบตาสีฟ้าอมเขียวของคุณอา

 

“เด็กน่ารักคนนั้นอยู่ไหนแล้วเนี่ย”  ทอมพูดงึมงำ อาจเพราะตาของเขาใกล้จะปิดเต็มทีแล้ว และคริสชอบที่ได้เห็นภาพแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงอยู่ไฮสคูล – แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกทอม คนอื่นก็เช่นกัน –

 

“แล้วคนนี้ไม่น่ารักเหรอ”

 

คริสยื่นหน้าเข้าใกล้ขึ้นอีก เขาเห็นสีฟ้าและเขียวในตาคุณอาชัดจนเหมือนกำลังมองดูโลกทั้งใบ

 

ส่วนที่ทอมเห็นคือท้องฟ้า ทั้งสว่างและสดใส มองแล้วรู้สึกราวกับจะบินได้ เหมือนเขากลับไปอายุเท่าตอนที่ได้เห็นหน้าคริสครั้งแรก ตอนที่เพื่อนของเขาอุ้มเจ้าตัวเล็กมาให้ดูเมื่อครั้งคริสยังอายุไม่ถึงสองขวบดี ดวงตาใสสีฟ้าจัดวันนั้นจ้องเขาไม่กะพริบเหมือนกันกับตอนนี้

 

ทอมรู้ว่าเขาต้องแพ้เจ้าท้องฟ้านี่แน่ ๆ ยิ่งคริสโตขึ้นก็ยิ่งคิดถูก จนตอนนี้ทอมก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว

 

และยิ่งคริสรู้วิธีใช้มัน เขายิ่งแพ้หนัก

 

“ที่จริง.. ผมก็ไม่อยากเป็นเด็กน่ารักแล้วล่ะ”

 

ทอมหลับตาเมื่อคริสยังคงมองอยู่แบบนั้น เขาดึงตัวเองลงจากท้องฟ้าสว่าง หนีเข้าความมืดซุกหน้ากับหมอนใบโต จากนั้นทอมก็นิ่งสนิท

 

คริสเองก็ด้วย เขายังค้างอยู่ที่เดิม เท้าแขนมองคนตรงหน้าที่หนีหลับไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

“ผมอยากเป็นผู้ใหญ่.. ที่พึ่งได้.. ที่โตแล้ว”

 

เขาพูด โดยที่ไม่แน่ใจว่าจะส่งไปถึงคนรับสารหรือเปล่า แต่เขาก็พูดต่อ

 

 

 

 

“อยากเป็นผู้ชายของอา..”

“เป็นของทอม”

 

คริสคิดว่าตัวเองคงอาจจะต้องพยายามปีนขึ้นฝั่ง ถ้าเขาไม่อยากจะว่ายวนจนหมดแรงจมน้ำไปซะ เขาก็ต้องลองดู

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Your man.

 

 

 

 


talk:
กาวเต็มถังเลยค่ะ ทีแรกก็เปิดแต่งเล่นแต่ไป ๆ มา ๆ อ้าว ยาวแล้วอ่ะ ;-; 5555555555555 เริ่มจากแต่งเป็น theard อาหลาน AU อันนี้ แต่ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะงอกออกมาเลยค่ะ อุแว 555555555

ขอบคุณที่เข้ามาร่วมเสพกันนะค้า แฮ่

🌻🙆‍♂️💘

 

#Dannyw_fic