Chris Pine x Tom Hardy
#pinedy
Rate_ PG
Words_ 233
A/N: ต่อจากในทวิตนี้
_______________________
𝗧𝘂𝗰𝗸
Yesterday
11:57 PM Missed Call
.
.
.
“เฮ้” หลังจากสายแรกที่ลนลานจนตัดสายไปเองก่อน ทัคโทรไปครั้งที่สอง แต่เสียงแฟรงค์ที่เหมือนยังไม่ตื่นทำให้เขาใจนิ่งขึ้นมาหน่อย
“ไง” งัวเงีย เสียงยานคางตอบกลับ
“..ทำอะไรอยู่”
ทัคลงโทษตัวเองที่ถามอะไรโง่ๆ ออกไปด้วยการตบหน้าผาก
แฟรงค์แค่ส่งเสียงในลำคอ ไม่ได้ตอบ
“วันนี้ไม่ได้เจอกัน..”
“อือ” คนโทรเข้ามาไม่แน่ใจว่านั่นคือคำตอบรับหรือแค่ละเมอ
“…ก็เลยโทรมา”
“…สุขสันต์วาเลนไทน์”
บางทีการที่แฟรงค์ไม่รับรู้เต็มร้อยก็อาจจะดีกว่า
ถึงแม้จะเป็นปกติที่พวกเขาทำแบบนี้ แต่สิ่งที่หลุดจากปากทัคตามไปน่ะไม่ใช่
“ฉันรักนาย”
อย่างน้อยก็ไม่ใช่น้ำเสียงแบบนี้
“รักเหมือนกัน”
ปากอิ่มเผยอออก ไม่มีเสียง ไม่มีแม้แต่ลมหายใจผ่านออกมา ความเจ็บปวดในใจก็เหมือนกัน
ไม่ได้ถูกแสดงออก และไม่เคย เขาแค่เก็บเอาไว้
การตอบกลับของแฟรงค์เหมือนกับเวลาพวกเขาคุยกันปกติ
ปกติเกินไปจนทำร้ายหัวใจกัน
ก็แค่คำบอกรัก ไม่มีความหมายพิเศษอะไร
“ฉันหมายถึง” ทัคกัดปาก ควบคุมอารมณ์ที่เริ่มส่งอาการสั่นไหวออกมา เขาเปลี่ยนมือที่จับโทรศัพท์ ย้ายมาแนบหูไว้อีกข้างแทน
“หืม..”
“จำได้ไหม” เขาเลียปากก่อนพูดต่อ “ที่ฉันเคยบอก ว่าฉันรับกระสุนแทนนายได้”
แฟรงค์ตอบรับเป็นระยะ แต่ไม่สม่ำเสมอ แค่บางช่วงที่ทัคเว้นไว้ให้ความเงียบแทรก
หากคู่หูผมบลอนด์มีสติครบถ้วน เขาคงจะตอบกลับว่า ‘ฉันก็เหมือนกัน’
จะมีก็แต่เสียงความเงียบ
แต่ทางฝั่งของเขากลับเต็มไปด้วยเสียงอึกทึก ดังก้องอยู่กลางอก
“ความรู้สึกนั้นน่ะ..”
มีเสียงขยับตัวดังเข้ามาในสาย อีกคนยังคงไม่ตอบอะไร
แม้จะผ่านการลงภาคสนามมามาก ผ่านการสอบสวนผู้ร้ายมานักต่อนัก ผ่านความกดดันอะไรต่างๆ มาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ – เวลานี้ – สำหรับทัคแล้ว ความเงียบไม่เคยชวนให้น่าอึดอัดได้เท่านี้มาก่อน
เขาเริ่มมวนท้องขึ้นมานิดๆ
“ฉัน..”
ทัคพยายามบอกตัวเองว่าให้หายใจ และหยุดเดินไปมาทั่วห้องได้แล้ว แต่เขาก็สั่งตัวเองไม่ได้ เขาหายใจสั้นเกินไป และลนลานเกินไป – หยุดไม่ได้
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงจากปลายสายดังขึ้น
และเสียงนั่นหยุดเขาได้
“คุยโทรศัพท์อยู่เหรอคะ”
“…”
เขาหยุดนิ่ง อย่างน้อยก็ไม่เดินไปมาแล้ว
ที่ยังทำไม่ได้คือหายใจ
หนักกว่าเก่า
เขาเผลอกลั้นหายใจไปแล้ว
คนถูกถามตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงียเหมือนเดิม
แปลก, ทั้งที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้เห็นหน้า แต่ทัครู้ว่าแฟรงค์กำลังยิ้ม หัวยุ่งฟูชี้ไปมาตอนตอบทั้งที่ตายังปิด
จากนั้น ทัคได้ยินเสียงผ้า เสียงขยับตัว และเสียงจูบ
ผ่านไปสักพัก ถ้าจะถามทัคเขาคงไม่สามารถตอบได้ว่านานเท่าไหร่
เขาลืมหมดสิ้นซึ่งทุกสิ่ง
“…”
แม้รู้สึกว่าต้องพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงดันไม่เปล่งออกมา – ลืมแม้แต่วิธีพูด – เขาพยายามอยู่นานหลายนาที
“เฮ้” และได้มาแค่คำโง่ๆ หนึ่งคำ
“หืม..”
“…”
เขาภาวนาให้ความจริงแล้วตัวเขาเองไม่ได้กดเบอร์ของแฟรงค์ ไม่ได้กดโทรออก และไม่ได้กำลังคุยสายอยู่ในตอนนี้
เขาภาวนาให้ตอนนี้ไม่ใช่ความจริง
“ฉ- ไม่กวนแล้วดีกว่า.. นาย.. หลับต่อเถอะ”
แฟรงค์มอบความเงียบให้เช่นเคย
เหมือนทุกทีที่ผ่านมา
เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ
“มีความสุข.. มากๆ นะ”
ทัคเริ่มไม่แคร์แล้วว่าอะไรจะออกมาจากปากเขาบ้าง
มันส่งไปไม่ถึงอีกคนอยู่แล้ว
“ถึงจะเป็นความสุข ที่ไม่มีฉันอยู่ในนั้นเลยก็ตาม”
“..ที่จริง ฉันหวังนะ”
“ว่าระหว่างเราแม่งไม่เคยจริง”
“ทำไมมันจริงสำหรับฉันคนเดียววะ..”
“เกลียดนายว่ะ”
“เกลียด เกลียดชิบหาย”
“ออกไปสักที”
“ขอเถอะ ออกไปได้แล้ว..”
ไม่เหลืออะไรแล้ว ความเสียใจถูกเทออกมาทั้งหมด น้ำตาก็ด้วย ที่ยังติดอยู่ก็เหลือแค่แฟรงค์ที่เขาไล่ออกไปไม่ได้
ทัคมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ เขาตัดสายทิ้งไปตั้งแต่ประโยคแรกๆ พูดกับหน้าจอที่ขึ้นเบอร์เอาไว้ มองชื่อ ‘FDR’ เหมือนกับว่ามันจะรับฟังเขาแทนเจ้าตัวจริงๆ ที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่อีกที่หนึ่ง ซึ่งมีคนรักอยู่ข้างกาย
มือที่ผ่านการต่อสู้มามากมายถูกยกขึ้นปาดความเสียใจบนใบหน้าอย่างสั่นเทา
ไม่มีการสะอื้นไห้จนตัวโยน ไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ได้กระฟัดกระเฟียดจนทำร้ายตัวเองหรือข้าวของ – เขาแค่ผ่านมาหมดแล้ว กลายเป็นความชินชา กลายเป็นการนั่งเฉยๆ ให้น้ำตามันไหลผ่านไปก็เท่านั้น
เหมือนกับแผลที่เกิดขึ้นที่เดิมซ้ำๆ จนด้านไร้ความรู้สึก
ไม่มีมุมไหนของใจเขาแล้วที่ยังเหลือที่ว่าง
ก็แค่อีกวัน
แค่อีกครั้งหนึ่ง
ยังไม่ตาย
.
.
.
.
“แล้วเย็นนี้ไปไหน”
“กลับบ้าน” นัยน์ตาสีเขียวที่สว่างเจิดจ้าไม่เท่ากับสีฟ้าของอีกคนเสหลบ แสร้งหยิบจัดของบนโต๊ะทำงานราวกับว่าอยู่ผิดที่ผิดทางนักหนา
ทั้งๆ ที่ไอ้อยู่ผิดที่ผิดทางน่ะ มันตัวเขาเองต่างหาก
“ไปดูหนังกันไหม สามคน”
ถึงตรงนี้ ทัคค่อนข้างนับถือตัวเองขึ้นมาแล้วที่เป็นคนเก็บอาการเก่ง เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อยิ้มตอบ ใจหวังให้มันช่วยรีบตัดบทสนทนานี้ได้
“ไปเถอะ พวกนายควรจะใช้เวลาด้วยกันมากกว่า”
“ใช้ไปแล้วเมื่อวานไง เหอะน่า นายก็ไม่มีแพลนไปไหนสักหน่อย”
ภาพสะท้อนของทัคชัดเจนอยู่ในลูกแก้วสีฟ้าเพราะแฟรงค์โน้มลงมาใกล้ คนร่างเล็กกว่าไถเก้าอี้หนี แต่ไม่ได้มีพิรุธจนเกินไป แค่เบี่ยงหลบแล้วเอนหลังกับพนักพิงอย่างเป็นธรรมชาติ
“ปล่อยฉันเถอะน่า”
“ทัค”
แฟรงค์ยืนค้ำหัวเขาอยู่ ไม่ยอมขยับไปไหนเสียที ท่าทางกดดันอีกฝ่ายจนทำเอาทัคต้องหมุนเก้าอี้หันหลังให้
“พูดจริงนะ.. ปล่อยฉันเถอะ”
แผ่นหลังที่ปกติก็ดูเล็กกว่าของแฟรงค์อยู่แล้ว ยิ่งแคบลงไปอีกตอนนี้ในสายตาคู่หู ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นจะจับไหล่นั้นแต่เจ้าตัวก็ชักกลับเสียก่อน
“ก็ได้ ถ้านายว่างั้น”
“อือ”
คนตัวสูงจับเก้าอี้หมุนให้กลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ทัคสะดุ้ง ช้อนตาขึ้นสบ แฟรงค์มองสีเขียวตรงหน้าตน
..นัยน์ตาเขียวเจือฟ้าหม่นเหลือเกิน เมื่อตอนที่ไม่ต้องแสง..
แสนเศร้า
“ดื้อจังนะ” แฟรงค์ก้มหัวลง คอพับ ซึ่งฟุบลงบนลาดไหล่แคบของอีกคนพอดี ทำท่าเหมือนคนที่ยอมแพ้
“อย่าดราม่านักเลย”
เสียงหัวเราะขึ้นจมูกแผ่วๆ เรียกรอยยิ้มหนุ่มผมบลอนด์ให้จุดขึ้น แฟรงค์กลับมายืนเต็มความสูง คว้าเอาเสื้อสูทกับกระเป๋าตัวเองขึ้นถือ ค่อยๆ เดินถอยหลังโดยมองหน้าทัคไม่วางตาตลอดที่เดิน
“เปลี่ยนใจก็โทรมา”
“รีบไปสักที”
ทัคว่าส่งๆ ส่วนแฟรงค์โบกมือแล้วหมุนตัวเข้าลิฟท์ไป ลับสายตาในที่สุด
จากไปยากเย็น
เหมือนรู้ว่าลึกๆ แล้วเขายังอยากให้อยู่
แต่จะมีความหมายอะไร
เขาเก็บของบ้าง แทบไม่มีอะไรให้หยิบมากนักทั้งที่เมื่อครู่ก็ทำเป็นจัดนู่นนี่ตั้งนาน หลังจากแน่ใจว่าแฟรงค์คงจะออกไปไกลแล้วทัคก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปบ้าง
เมื่อมองไปโต๊ะฝั่งตรงข้าม เขาก็นึกถึงภาพตัวเองในดวงตาสีฟ้าตอนที่เจ้าของใช้มองมา ทำให้เขาต้องเผลอชะงัก
เพราะแม้แต่ทัคเองยังเห็นรอยร้าวของเขาที่สะท้อนอยู่ในนั้น
แล้วทำไม…
ชายร่างสันทัดก้าวออกจากโต๊ะทำงานอย่างเร็ว รีบปัดเอาความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวพุ่งตรงไปลิฟท์ทันที แต่ภาพสุดท้ายที่เห็นก็ยังเป็นโต๊ะทำงานของคนตาฟ้าก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิด
พอเถอะ – ทัคบอกกับตัวเอง
เขาไม่เคยมีนายในสายตาหรอก
พอได้แล้ว
The End
#Dannyw_fic
🌻